จัดเต็มแบกเป้ตามหาฟูจิซังที่ Kawaguchiko 2 วัน 1 คืน ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี [PART I ]


         วันนี้ผมจะมาท่านผู้อ่านไปชมฟูจิซังที่ Kawaguchiko ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีครับ...ขอนอกเรื่องไม่เกี่ยวกับโทชิหมาดื้อหน่อยนะ55



          ช่วง 18-26 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เส้นทางที่เที่ยวได้แก่ โอซาก้า-เกียวโต- นาระ คาวาคูจิโกะ และจบทริปที่โตเกียว นี่เป็นครั้งที่สี่แล้วที่ผมมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น แต่เป็นครั้งแรกที่ได้มา คาวาคูจิโกะครับ ซึ่งไม่ผิดหวังเลยที่เลือกมาเที่ยวที่นี่ เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมาก เลยตัดสินใจมาเขียนรีวิว


ผมใช้เวลาที่ คาวาคูจิโกะ 2 วัน 1 คืน แพลนเที่ยวตามนี้

Day 1 : ลงจาก Night bus from Osaka เอาของฝากที่โรงแรมแล้วเริ่มเที่ยว
1.Oishi park + Kawaguchiko Natural living center (ป้ายหมายเลข 20-21)
2.อุโมงค์ใบไม้แดง (Maple Corridor) (ป้ายหมายเลข 17-18)
3.เรือล่องทะเลสาบคาวาคูจิโกะ

Day 2 :
1.ขึ้นกระเช้า Kachi Kachiyama Ropeway
2.เจดีย์แดง Churieto Pagoda
จากนั้นก็นั่ง Highway Bus เข้าโตเกียว

            ผมเดินทางแบกเป้กับน้องสาวกันสองคน โดยขึ้น Night BuS ของบริษัท Kintetsu จากย่าน Abenohashiที่ Osaka เวลา 21.35 น. ถึง Kawaguchiko Station 8.32 น. ค่าโดยสาร 6700 เยน




ข้อดีของการเดินทางวิธีนี้ คือราคาไม่แพงมาก สามารถช่วยประหยัดค่าที่พักได้ 1 วัน (นอนในรถแทน) และช่วงเช้าก็สามารถใช้เวลาเที่ยวเมืองOsakaได้ทั้งวัน ตกเย็นก็มารอรถที่ป้าย

ข้อเสีย คือ ถ้าใครไม่ชินกับการนอนในรถอาจนอนไม่หลับ และอาจเพลียตอนไปถึงคาวาคูจิโกะในช่วงเช้าวันถัดไปได้

             เผลอแปปเดียวแค่หนึ่งตื่น...เราก็มาถึงคาวาคูจิโกะในช่วงเช้า ตรงเวลามากๆครับ 8.30 น ถึงก่อนกำหนดการ 2 นาที จากนี้ก็เริ่มเที่ยวตาม Planกันเลยครับ สิ่งที่จำเป็นสำหรับ tripนี้คือตั๋ว Kawaguchiko R-Couponราคา 2300 เยน ตั๋วนี้สามารถทำให้เราสามารถนั่ง Retro bus ได้ไม่จำกัดเที่ยวเป็นระยะเวลา 2 วัน, ขึ้นกระเช้า Kachi Kachiyama Ropeway และล่องเรือชมฟูจิที่ Kawaguchiko lake ตั๋วนี้คุ้มมากๆครับบอกเลยครับ


             แต่สำหรับคนที่ไม่ต้องการขึ้นกระเช้ากับล่องเรือ ก็มีตั๋วเฉพาะ Retro bus ใช้ได้สองวันขายในราคา 1200 เยนครับ

            จากนั้นผมและน้องสาวก็นั่ง Retro Bus “Red line” ไปยังที่พักคือ Route Inn Kawaguchikoลงป้ายรถหมายเลข 13 Azagawa Onsen Town ถึงหน้าโรงแรมเลย ที่เลือกโรงแรมนี้เพราะ ราคาไม่แพงมากนัก แล้วตั้งอยู่ใน Zone ที่เห็นทั้งทะเลสอบ+ฟูจิครึ่งลูก แต่ถ้าเดินไปนิดเดียวถึงป้ายหมายเลข 14 ( เดิน 1 ป้ายรถ) ก็จะเห็นวิวฟูจิเต็มลูกได้ และมีบุฟเฟ่ขาปูยักษ์เติมได้ไม่อั้นในราคา 1500 เยนครับ


ปล. จะให้ดูวิวของบริเวณป้ายหมายเลข 14 ในรีวิวตอนที่สองนะครับ




แนะนำโซนขอแบ่งตามป้ายรถ Retro Bus

1.โซนที่ดีที่สุดที่ได้วิวทะเลสาบและฟูจิโดยไม่มีอะไรมาบังวิว คือที่พักที่ตั้งอยู่ใน โซนป้ายรถหมายเลข 17-21 ซึ่งที่พักบริเวณนี้จะราคาค่อนข้างสูง Sunnide Resort ที่พักระดับ 5 ดาวก็ตั้งอยู่บริเวณนี้

2.โซนป้ายรถหมายเลข 14 เห็นทั้งทะเลสาบและฟูจิ แต่จะมีตีนเขาบังเล็กน้อย ,โซนป้ายรถหมายเลข 13 เห็นทั้งทะเลสาบและฟูจิ แต่จะมีตีนเขาบังฟูจิไปครึ่งลูก

3.โซนป้ายรถหมายเลขหลักหน่วยจะเห็นแต่ฟูจิ ไม่เห็นทะเลสาบครับ เพราะทะเลสาบตั้งอยู่ด้านหลัง


วิวจากหน้าโรงแรมซึ่งอยู่โซน13 จะเห็นฟูจิที่มีภูเขาบังครึ่งลูก



เดินลงมาอีกหน่อยจะเห็นวิวแบบนี้



                หลังจากถ่ายรูปเล่นหน้าโรงแรมจนหายอยากแล้ว ก็ถึงเวลานั่ง Retro Bus ไปยังป้ายหมายเลข 20-21 Oishi park + Kawaguchiko Natural living center ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่โดดเด่นและสวยงามที่สุด Retro Bus นั้นมีตารางเวลาวิ่งชัดเจน แต่อาจมาถึงเร็ว-ช้าจากเวลาในตารางได้ตามสภาพการจราจร ณ ตอนนั้น แถมถ้ามาช่วงที่คนมาเที่ยวมากรถมีโอกาสเต็มทำให้ต้องรอรอบถัดไปเสียเวลาอีก 20-30 นาที  ซึ่งเพราะเหตุนี้เองทำให้ผมตกรถและทำให้แพลนคาดเคลื่อนจากที่วางไว้


**แนะนำว่าถ้าอยากถ่ายรูปคนกับฟูจิสวยๆโดยหน้าไม่ดำ เพราะถ่ายย้อนแสงต้องไปถ่ายในช่วงเช้าครับ ถ้าไปถึงสาย-บ่ายหน้าดำ 100 % ผมก็ไปถึงสายทำให้ถ่ายรูปกับฟูจิสัก 40 รูปดำหน้าหมดใช้ได้อยู่ 2 รูป** 


เมื่อมาถึงสิ่งแรกที่เจอคือภูเขาไฟฟูจิจำลองครับ

           และเมื่อเดินออกไปข้างหลังฟูจิจำลองผมก็ได้เห็นฟูจิของจริงพร้อมทั้งอุทานว่า “Heaven On The Earth” มันสวยงามมากครับ ฟูจิที่อยู่หลังพื้นน้ำของทะเลสาบคาวาคูจิโกะแบบไม่มีอะไรมาบดบังวิว





บริเวณนี้มีทางเดินสำรวจธรรมชาติเรียบทะเลสาบ สามารถเดินลัดเลาะชมบรรยากาศ ชิวๆได้หากใครมีเวลา



ขณะที่ผมกำลังเดินลัดเลาะไปตามทะเลสาบก็พบเจ้าหมาชิบะตัวน้อย ชื่อนัทสึ น่ารักมากครับ มันมาเดินเล่นชมความงามของทะเลสาบคาวาคูจิโกะกับเจ้าของ

             เดินถัดมาอีกหน่อย...เราก็จะมาถึงส่วนของ "Oishi park" เป็นสวนสวยที่เขาจัดขึ้นได้เข้ากับทะเลสาบและฟูจิเลยทีเดียว เพียงแต่ว่าช่วงที่มาดอกไม้ได้แห้งเหี่ยวไปจนหมดแล้ว เพราะช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงแนะนำในการชมสวนนี้ ถึงกระนั้นมันก็ยังสวยมากครับ ลองคิดดูถ้ามาช่วงPeakของสวนนี้จะสวยขนาดไหน



วิวสวยสุดๆครับ


วิวสวยจริง...แต่พอถ่ายกับคนจบเลยเพราะเป็นการถ่ายย้อนแสง หน้าดำสุดๆ ผมจึงแนะนำถ้าไม่อยากถ่ายแล้วหน้าดำให้รีบมาแต่เช้าครับ ไว้พรุ่งนี้ผมขอแก้ตัวใหม่


มีพุ่มไม้แห้งให้ถ่ายรูปอาร์ทๆ



หลังจากถ่ายรูปย้อนแสงหน้าดำกันถ้วนหน้า ผมกับน้องสาวก็กลับมาพักเหนื่อยที่ Kawaguchiko Natural living center เพื่อชิมของดังของที่นี่คือ Soft cream blue berry หวานหอมใช้ได้เลยครับ ราคา 350 เยน


                 เป้าหมายถัดไปคือป้าย Retro Bus หมายเลข 17-18 บริเวณนี้มีอุโมงค์ใบไม้แดง (Maple Corridor)ที่มีชื่อเสียง แต่ช่วงที่ผมมาเป็นช่วงปลายพฤศจิกายนซึ่งเลยช่วงpeakไปแล้ว ใบไม้เริ่มร่วงไปบางส่วนแล้ว...แต่ก็ยังสวยอยู่ลองชมดูนะครับ




ต้นเมเปิ้ลงามๆก็ยังมีเหลือให้ชมอยู่หลายต้น



ต้นนี้ออกเหลือง ไม่แดงเท่าไร 


แต่ใบไม้แดงผมได้ชมอย่างจุใจแล้วที่เกียวโต ในรูปคือ Kiyomizu-dera templeใบไม้แดงสุดๆ ช่วงปลายพฤศจิกายนเป็นช่วงpeakของเกียวโตแต่เป็นช่วงเริ่มร่วงของคาวาคูจิโกะ ต้องเลือกนะครับว่าจะเที่ยวอะไร ^^


            และแล้วก็ถึงเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้ป้ายหมายเลข 10 Yuransen Ropeway Iriguchi ขณะที่มาถึงก็เกือบห้าโมงเย็นแล้วแสงใกล้จะหมด ผมต้องเลือกระหว่างขึ้นกระเช้า Kachi Kachiyama Ropeway หรือล่องเรือ ซึ่งผมก็ตัดสินใจไปกระเช้าตอนเช้าวันรุ่งขึ้นแทน....วันนี้เรามาล่องเรือกันครับ



นั่งฟรีครับ เพราะใช้บัตร“Kawaguchiko R-Coupon” ถ้าไม่มีก็ต้องจ่าย 950 เยนค่าล่องทะเลสาบครับ


เรือออกจากท่าแล้ว...โอ้วเห็นโรงแรมด้วย


ฟูจิยามเย็นก็สวยงามไปอีกแบบครับ...ผมรักที่นี่จังเลย


ปิดท้ายด้วยบุฟเฟ่ขาปูยักษ์ใหญ่กว่าหน้าคน แล้วก็แช่ออนเซ็นที่โรงแรมครับ... ฟินมากกก พรุ่งนี้เรามาต่อกับคาวาคูจิโกะ day 2 ครับ สนุกไม่แพ้วันนี้แน่นอน

No comments:

Post a Comment