โทชิ "ToShi ShibaDog" สุนัขผู้เกลียดสายจูง


โทชิ “ToShi ShibaDog” เป็นสุนัขที่เกลียดสายจูงมาก...

ครั้งแรกที่ใส่สายจูงก็ออกอาการทันที  


อาการเริ่มแรก โทชิจะตัวแข็งค้าง นิ่งไม่ขยับตัว 



                  อาการถัดมา...หากผมยังฝืนดึงสายจูงต่อ มันก็จะนั่งลง เอาก้นแหมะกับพื้นเหมือนพยายามจะตั้งป้อมสู้กับผม พร้อมทั้งหันมามองและแสดงสีหน้าคล้ายๆจะบอกผมว่า

 เจ้านาย!! เอาอะไรมาใส่คอโทชิ โทชิไม่ยอมนะ"



                  และถ้ายังฝืนดึงสายจูงอีก โทชิจะลงไปนอนแผละท่าไก่ย่าง ไม่ก็นอนหงายท้องเลย ผมรู้สึกเพลียกับอาการต่อต้านของมันมาก.....มีคนบอกว่าการฝึกให้สุนัขยอมรับสายจูง ยากง่ายนั้นขึ้นกับสุนัขแต่ล่ะตัวและความมีอำนาจเหนือสุนัขของเจ้าของ ยิ่งสุนัขหัวแข็งมากเท่าไรยิ่งฝึกยาก และหากเจ้าของมีความเป็นจ่าฝูงน้อยกว่ามัน ความยากในการฝึกก็จะทวีขึ้นเหมือนเงาตามตัว

               ผมว่าโทชิคงเป็นสุนัขประเภทหัวแข็ง และมันคงมองผมเป็นลูกฝูงเพราะผมใจอ่อน ตามใจมันตลอด จนสร้างนิสัยที่ไม่ดีให้มัน

              วิธีฝึกสุนัขเข้าสายจูงนั้นมีหลายวิธี

              วิธีแรกเป็นวิธีที่อ่อนโยนสุด Softวิธีใช้สุนัขสอนสุนัขวิธีหมาสอนหมา ซึ่งวิธีนี้คงต้องตัดออกไป เพราะผมเลี้ยงสุนัขตัวเดียวคือ ToShi ShibaDog

              วิธีที่สอง ใช้ของเล่นหรือขนมกระตุ้น วิธีนี้ทำโดยเมื่อสุนัขหยุดเดิน ก็ใช้ขนมหรือของเล่นที่สุนัขชอบ เป้นตัวกระตุ้นให้สุนัขเดินตาม แต่ไม่ควรให้กินทันทีต้องให้สุนัขเดินตามเราสักพัก ยิ่งไกลเท่าไรได้ยิ่งดี การให้ขนมหรือรางวัลเร็วเกินไป สุนัขจะเรียนรู้ว่าเดินแค่ไม่กี่ก้าวก็จะได้ขนมแล้ว ต่อไปเขาจะนั่งต่อลองเพื่อให้เราหยิบขนมออกมา กลายเป็นเราเองนี่แหละที่ถูกมันควบคุม ซะงั้น!!
              วิธีนี้ผมว่าเหมาะสำหรับสุนัขหัวอ่อน ซึ่งเมื่อลองกับ ToShi แล้ว ใช้ได้ผลแค่ช่วงแรกเท่านั้น หลังๆมันก็ไม่ยอมเดินตามแล้ว ทั้งๆที่มีขนมล่อ อ้ากก ....สุดยอดของความดื้อ


                  จึงมีพี่ที่รู้จักกันแนะนำให้ผมลองใช้วิธีสุดท้าย

ToShi "Dog of the week" น้องหมาเด่นประจำสัปดาห์



สวัสดีครับ... ToShi มีข่าวดีมาฝาก


         ToShi ได้รับเลือกเป็น Dog of The Weekของเวปไซด์ Dogilikeสังคมอบอุ่นของน้องหมาสุดรัก ToShi รู้สึกภูมิใจมาก เพราะ ToShiเป็น ชิบะ อินุ ตัวแรกเลยที่ได้รับสัมภาษณ์ลงColumnนี้ มาดูบทสัมภาษณ์พร้อมเรื่องราวสุดแสบของ ToShi ShibaDogได้ที่นี่เลยครับ

ToShi 1st day : วันแรกที่ToShi เข้ามาอยู่ในบ้าน



         วันแรกที่ผมรับ ToShi หมา ชิบะ อินุ ตัวน้อยของผมเข้ามาในบ้านคือวันที่ 22 มิถุนายน 2557 ขณะนั้น ToShi อายุได้เกือบ 3 เดือนพอดี (เกิด 9 เมษายน 2557 ) ผมยังจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ

เช้าตรู่ของวันที่ 22 มิถุนายน คือวันที่ผมนัดดูลูกสุนัขกับเจ้าของเดิม ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท จริงๆคอนโดเขาไม่ให้เลี้ยงสัตว์ แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ ถ้าอยากเลี้ยงก็ต้องแอบ จริงๆวันนี้ตั้งใจจะไปดูเฉยๆ แต่พอเห็น ToShi แวบแรกก็ไม่ลังเลเลยที่จะควักเงินในกระเป๋าออกมาแล้วพูดว่า

ผมขอรับน้องกลับไปอยู่ด้วยเลยวันนี้แล้วกันครับ...

           ตอนแรกที่รับ ToShi มา มันซึมมาก ไม่กิน ไม่เล่น ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องแปลกสำหรับการรับสุนัขใหม่เข้าบ้าน ลองนึกถึงใจเขาใจเรา เราพึ่งไปพลากเขามาจากสถานที่เดิมที่เขาคุ้นเคย มาสู่บ้านแห่งใหม่ กลิ่นใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่

           ผมปล่อยให้ ToShi สำรวจบ้านใหม่อย่างเต็มที่ (อยู่ในสายตาเราตลอด) มันดมกลิ่นไปทั่ว ผมให้อิสระมันในการสำรวจบ้าน แต่ก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย บริเวณไหนที่ผมไม่อนุญาตให้มันเขาก็จะห้าม และว่ามันทันที เพราะการปล่อยให้สุนัขวิ่งมั่วทั่วบ้านตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้าบ้าน นั้นเป็นการตรอกย้ำให้เขาครองบ้านและเรายอมเป็นลูกฝูงมันตั้งแต่วันแรก

         ผมพยายามไม่เล่น ไม่อุ้ม ไม่เดินเข้าหา ToShi รอให้มันเดินเข้ามาดม และเข้าหาเราเองก่อน เพื่อสร้างความเป็นจ่าฝูงให้กับผม ตามหลักจิตวิทยาสุนัขแล้วลูกฝูงจะเป็นฝ่ายเดินเข้าหาจ่าฝูง จ่าฝูงจะเป็นฝ่ายยืนเฉยๆ และการอุ้มลูกสุนัขทันทีที่แรกเห็น อาจทำให้เขาตกใจและไม่ไว้ใจเราได้ เพราะเขายังไม่ได้ทำความรู้จักเราผ่านการดมเลย

       ...ที่เล่ามาคือสิ่งที่ผมคิด....แต่สุดท้ายผมก็ห้ามใจไม่ได้ ต้องเข้าไปหามันเลย นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปัจจุบันมันไม่เคารพผมเท่าที่ควร 55

       หลังจาก ToShi ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ได้มันก็เริ่มร่าเริง และวิ่งเล่นไปทั่วและยิ้มได้

"ToShi" หมาชิบะ อินุ ตัวแรกของผม ( ToShi : My first Shiba Dog)



“ToShi โทชิ เป็นอย่างไรบ้างครับวันนี้...

“ToShi เจ้าหมาชิบะตัวน้อย คิดถึงพ่อมากเหรอ...

            นี่คือคำพูดที่ติดปากผม เวลาผมเจอหน้าหมาของผมเมื่อกลับมาบ้านหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน พ่อได้เล่นกับ ToShi ความเหน็ดเหนื่อยนั้นก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง เหมือนเจ้าสุนัขตัวนี้ได้เติมเต็มความสุขเล็กๆให้ครอบครัวของผม

            ย้อนกลับไปเมื่อราว 9 เดือนก่อน เป็นช่วงที่เครียดมาก เพราะเป็นช่วงที่ตัดสินใจเลี้ยง ก่อนตัดสินใจเลี้ยงนั้นผมได้คำนึงในหลายประเด็น ไม่ใช่ว่าอยากเลี้ยงอย่างเดียวก็จะซื้อสุนัขมาเลย ประเด็นที่ว่าคือ

1.        รับเขามาเลี้ยงต้องดูแลเขาได้ เราต้องมีเวลาพาสุนัขไปเดินเล่น เช็ดอุจจาระ ปัสสาวะของมัน รวมถึงการฝึกวินัยในบ้าน

2.        ข้อมูลของสายพันธุ์ที่จะเลี้ยง เช่น ลักษณะนิสัย โรคประจำสายพันธุ์

3.        สมาชิกในบ้านต้องโอเคกับสุนัขที่จะมาเป็นสมาชิกใหม่ เรื่องนี้นั้นสำคัญมาก หากเราซื้อมาถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ผ่านก็จบ

            หลังจากผมได้ศึกษาข้อมูลมาพอสมควร ก็ถึงเวลาสำคัญ คือเวลาที่ต้องบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าอยากเลี้ยงสุนัขนั้นเอง แต่สุนัขที่ผมขอคุณแม่เลี้ยงคือ ไซบีเรี่ยน ฮัสกี้ไม่ใช่ ชิบะ อินุ



           ที่ผมอยากเลี้ยงไซบีเรี่ยน ฮัสกี้ เพราะรูปลักษณ์ที่คล้ายหมาป่าของมัน ผมว่ามันมีสเน่ห์และดูสง่างาม แฝงไว้ด้วยความน่ารัก อีกอย่างก็คือลักษณะนิสัยที่ไม่เหมือนสายพันธุ์อื่นๆคือมีความ “ Indy” 


 ปรากฎว่าคำตอบของที่บ้านคือ ไม่ เอามาดูแลไม่ไหวหรอก  

ไม่ให้เลี้ยงสุนัขตัวใหญ่


ถ้าอยากเลี้ยงจริงๆ ไปลดน้ำหนักให้ได้ 10 กิโลกรัม แต่ให้เลี้ยงพันธุ์ตัวไม่ใหญ่เท่านั้น

            คราวนี้หลังจากไซบีเรี่ยนถูกตัดไปจากตัวเลือก ผมก็จำเป็นต้องหาสายพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะใกล้เคียง ในที่สุดผมก็ได้พบมัน ชิบะ อินุ


              ชิบะ อินุ เป็นสุนัขสายพันธุ์ดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่น มีความร่าเริงแจ่มใส คล่องแคล่ว ปราดเปรียว ว่องไว ขี้เล่น ฉลาด รักอิสระซื่อสัตย์ กล้าหาญ ใจดี อ่อนโยน รักและผูกพันกับสมาชิกในครอบครัวมากๆ  และที่ขาดไม่ได้คือมีความ “Indy” เหมือนไซบีเรี่ยนเลย อีกทั้งรูปลักษณ์ของมันใกล้เคียงสุนัขจิ้งจอก สรุปมันน่ารักมากและตอบโจทย์ของผม

             หลังจากนั้นผมก็ใช้ความพยายาม ความตั้งใจลดน้ำหนักได้ 10 กิโลกรัมจริงๆ ที่บ้านเห็นความตั้งใจก็เลยลดทิฐิ อนุญาตให้เลี้ยงหมาได้.....แต่ปัญหาที่ตามมาคือจะหาซื้อได้ที่ไหน

            ปรากฎว่าสุนัขพันธุ์นี้หาซื้อได้ยากมาก และราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว (40,000 บาท++) ยิ่งถ้าสั่งนำเข้าจากต่างประเทศราคาจะสูงมากขึ้นไปอีก ฟาร์มที่เพาะพันธุ์ในเมืองไทยก็มีใหญ่ๆเพียงสองฟาร์ม ฟาร์มแรกไม่ขอพูดถึง เพราะ เจ้าของดูไม่ต้อนรับลูกค้าเท่าไร โทรไปคุยก็ไม่ให้คำแนะนำที่ดี และราคาก็แพงสุดๆเกือบแสนบาทต่อตัวเลย...ขอบอกครับ